ค้นหาทุกเรื่องราว..ได้ที่นี่

Custom Search

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

อันตรายจากการอดอาหาร


'คุณมีประสบการณ์อย่างนี้บ้างหรือเปล่า
คุณมีน้ำหนักมากเกินไป คุณเริ่มลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร น้ำหนักคุณลดไป 5 กิโลกรัม คุณรู้สึกพอใจที่คุณลดน้ำหนักได้

หลายเดือนต่อมาคุณพบว่าน้ำหนักคุณเพิ่มขึ้นเท่าเดิมอีกหรือมากกว่า คุณเริ่มลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารอีกครั้ง
แม้ว่าความอ้วนเป็นผลเสียต่อสุขภาพ แต่การที่มีน้ำหนักเปลี่ยนแปลงทีละมาก ๆ ตลอดเวลากลับมีผลเสียมากกว่า จากการศึกษาพบว่าการมีน้ำหนักเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ จะทำให้มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น

และมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเพิ่มสูงขึ้น ผลเสียต่าง ๆ เหล่านี้พบว่าเกิดมาจากการอดอาหารนั่นเอง โดยการอดอาหารจะทำให้ปริมาณไขมันและกล้ามเนื้อของคุณน้อยลง ซึ่งมีผลทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายคุณลดน้อยลงด้วย เมื่อคุณเลิกอดอาหารและกลับมารับประทานอาหารใหม่คุณมักจะทานอาหารมากกว่าเดิม (เป็นผลที่ตามมาจากการอดอาหาร) คุณจึงมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเหมือนเดิม หรือในบางครั้งอาจจะมากกว่าเดิมเลยทีเดียว

วิธีที่จะป้องกันภาวะที่มีน้ำหนักเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลา คือลดน้ำหนักด้วยการเลือกอาหารที่รับประทาน ไม่ใช่อดอาหาร รวมทั้งใช้การออกกำลังกายเพื่อเป็นการใช้พลังงานส่วนเกิน อันจะทำให้คุณมีร่างกายแข็งแรงและมีน้ำหนักคงที่สม่ำเสมอตลอด

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ 'ไขมัน'


'ผู้คนส่วนมากมักจะคิดว่า คาร์โบไฮเดรท (อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นโรคอ้วน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตัวการร้ายที่ทำให้เกิดโรคอ้วนก็คือไขมันนั่นเอง อาหารพวกคาร์โบไฮเดรท ผักผลไม้ เป็นอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย อาหารเหล่านี้

เปรียบเหมือนเพื่อนของเรา ตราบใดที่คุณสามารถลดอาหารพวกไขมันลงได้ คุณไม่ต้องไปนั่งกังวลกับจำนวนแคลอรี่ต่อวันที่คุณควรจะได้รับมากนัก คุณไม่ต้องอดข้าว แต่สิ่งที่คุณควรจะงดคือ อาหารที่มีไขมันสูงต่างๆ เช่น เนย ครีม มันหมู ส่วนพวกขนมเค็กและไอสครีมก็ไม่ได้ทำให้คุณอ้วนเพราะน้ำตาล แต่กลับทำให้คุณอ้วนจากไขมันที่ผสมอยู่ในนั้น ไขมันที่เป็นตัวการใหญ่ ไม่ใช่น้ำตาล

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นความจริงแน่หรือ คุณอาจจะยังไม่เชื่อ ลองอ่านคำอธิบายนี้ ในคาร์โบไฮเดรทและโปรตีนอย่างละ 1 กรัม จะให้พลังงานอย่างละ 4 แคลลอรี่เท่ากัน ในขณะที่ ไขมันปริมาณ 1 กรัมให้พลังงานประมาณ 9 แคลลอรี่

ดังนั้นถ้าคุณรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก คุณจะมีพลังงานเหลือเก็บสะสมค่อนข้างมาก ลองเปรียบเทียบง่ายๆคือ มันฝรั่งทอดกรอบ(มีไขมันสูง)ที่ขณะนี้กำลังนิยมรับประทานกันเพียง 1 ฝ่ามือ ให้พลังงานเท่ากับ ข้าว 1 จาน

คาร์โบไฮเดรท มีน้ำหนักต่อแคลอรี่ค่อนข้างมาก ดังนั้น การกินคาร์โบไฮเดรทจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็ว คุณไม่มีทางที่จะอ้วนจากการกินคาร์โบไฮเดรทล้วนๆ แต่ถ้าคุณสามารถลดปริมาณไขมันให้ลดลงจาก 35-40 % ให้เหลือเพียง 10 % ของอาหารที่คุณรับประทาน คุณจะสามารถกินอาหารให้มีปริมาณมากขึ้นอีก ประมาณ 30 % โดยไม่เพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่คุณจะได้รับ คุณจะรู้สึกอิ่มและสบาย แต่สามารถมีน้ำหนักตัวลดลง และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวกับความอ้วนลงได้

ไขมัน นอกจากจะให้พลังงานมากกว่าอาหารชนิดอื่นแล้ว ไขมันยังถูกเผาผลาญด้วยขบวนการที่ต่างออกไปอีก ร่างกายสามารถเผาผลาญคาร์โบไฮเดรทไปได้อย่างรวดเร็ว และถ้าคุณรับประทานในจำนวนที่เหมาะสมแล้ว คาร์โบไฮเดรทเหล่านั้นจะถูกสะสมในรูปกลัยโคเจนในกล้ามเนื้อเพียง 1 วัน และจะไม่ถูกสะสมเป็นไขมันเลย ในขณะที่ ร่างกายจะเก็บไขมันในอาหารที่ได้รับ ในเนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งเนื้อเยื่อเหล่านี้สามารถสะสมไขมันได้ ไม่จำกัดจำนวน การรับประทานไขมันไม่ทำให้รู้สึกอิ่ม

ดังนั้นคุณจึงกินอาหารที่มีไขมันได้เป็นจำนวนมาก และคุณก็จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ก็มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
ถ้าอย่างนั้น คุณไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันเลยจะดีหรือไม่ คุณยังคงต้องรับประทานไขมันอยู่ เพราะไขมันเป็นส่วนประกอบสำคัญของการสังเคราะห์กรดไขมันของร่างกาย แต่คุณต้องการพลังงานจากไขมันเพียง 5% เพื่อสร้างกรดไขมันที่จำเป็นของร่างกาย

คุณคงเห็นด้วยแล้วว่าการกินอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้เป็นโรคอ้วน และทำให้มีอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่บางคนยังสงสัยว่า การกินอาหารไขมันต่ำ จะทำให้ได้ผลในทางตรงกันข้ามแน่หรือ แพทย์ก็คิดถึงปัญหานี้เช่นกัน จึงได้ทำการศึกษา และพบว่า ถ้าเราสามารถลดไขมันในอาหารลงได้ประมาณหนึ่งในสาม น้ำหนักจะลดลงประมาณ 10 กิโลกรัมในหนึ่งปี และอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และมะเร็งจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับด้านการรักษาสุขภาพลงไปได้มาก

คองามระหง


สาวๆ หลายคนมีใบหน้าที่ขาวใสแล้ว แต่บางคนยังมีลำคอที่ดูดำคล้ำ ทำให้ใบหน้าเราขาวผิดปกติไป นั่นเป็นเพราะเราใส่ใจกับใบหน้าจนลืมดูแลผิวบริเวณลำคอไป ซึ่งผิวบริเวณนี้ค่อนข้างที่จะอ่อน


ดังนั้นทุกครั้งที่เราทาครีมที่ใบหน้าแล้วก็อย่าลืมทาที่ลำคอด้วยค่ะ อย่าปล่อยให้คอดำ หรือเหี่ยวจนเหนียงยานไปเด็ดขาดค่ะ เพราะถ้าหน้าคุณขาวเด้ง แต่คอคุณดำ เหี่ยวจนเหนียงยานแล้วคงดูไม่ดีแน่ๆ ใช่มั้ยคะ อย่าลืมค่ะว่าคอก็สำคัญ

วิธีง่ายๆ ที่จะบริหารลำคอให้เต่งตึงอยุ่เสมอก้คือ ขณะทาครีมหรือโลชั่นใช้มือนวดคลึงเบาๆ บริเวณลำคอ โดยนวดในลักษณะปัดขึ้นจากโคนไปถึงคางค่ะ อย่าทาลงเด็ดขาดนะคะ ทาครีมโดยใช้มือปัดขึ้นเสมอทุกครั้งที่ทาครีม เท่านี้ริ้วรอยต่างๆ ก็จะค่อยๆ ลดลงได้ค่ะ